ประวัติศาสตร์โลก

ประวัติศาสตร์โลก
World History

ประวัติศาสตร์โลก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติศาสตร์โลกหรือประวัติศาสตร์มนุษยชาติเริ่มต้นที่ยุคหินเก่า ประวัติศาสตร์โลกไม่รวมประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ไม่ใช่มนุษย์และประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา ยกเว้นตราบเท่าที่โลกธรรมชาตินั้นกระทบต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก ประวัติศาสตร์โลกประกอบด้วยการศึกษาทางโบราณคดีและหลักฐานลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยโบราณ ประวัติศาสตร์โบราณที่มีบันทึกเริ่มต้นจากการประดิษฐ์การเขียน ทว่า รากเหง้าแห่งอารยธรรมมีมาแต่ก่อนการประดิษฐ์การเขียน สมัยก่อนประวัติศาสตร์เริ่มต้นในยุคหินเก่า ต่อด้วยยุคหินใหม่และการปฏิวัติเกษตรกรรม(ระหว่าง 8000 ถึง 5000 ปีก่อนคริสตกาล) ในวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์ (Fertile Crescent) การปฏิวัติเกษตรกรรมเป็นเครื่องหมายการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยมนุษย์เริ่มต้นทำการเกษตร คือ กสิกรรมและการเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นระบบ เมื่อเกษตรกรรมก้าวหน้าขึ้น มนุษย์ส่วนมากเปลี่ยนจากวิถีชีวิตเร่ร่อนมาเป็นตั้งถิ่นฐานเป็นเกษตรกรในนิคมถาวร การเร่ร่อนยังมีอยู่ในบางที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีพืชที่เพาะปลูกได้ไม่กี่ชนิด แต่ความมั่นคงสัมพัทธ์และผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจากกสิกรรมทำให้ชุมชนมนุษย์ขยายเป็นหน่วยที่ใหญ่กว่า ซึ่งความก้าวหน้าในการขนส่งก็มีส่วนช่วย

เมื่อกสิกรรมพัฒนา การเพาะปลูกธัญพืชมีความซับซ้อนขึ้นและทำให้มีการแบ่งงานกันทำเพื่อเก็บอาหารระหว่างฤดูเพาะปลูก จากนั้นการแบ่งงานทำให้เกิดชนชั้นสูงที่สุขสบายและพัฒนาการนคร สังคมมนุษย์ที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้ระบบการเขียนและการบัญชีมีความจำเป็น หลายนครพัฒนาบนตลิ่งทะเลสาบและแม่น้ำ ตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล เกิดนิคมโดดเด่นและมีการพัฒนาดียุคแรก ๆในเมโสโปเตเมีย ริมตลิ่งแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์ และหุบแม่น้ำสินธุ อาจมีอารยธรรมคล้ายกันพัฒนาขึ้นตามแม่น้ำสำคัญในจีน แต่หลักฐานทางโบราณคดีของการสร้างเมืองอย่างกว้างขวางในที่นั้นชัดแจ้งน้อยกว่า

ประวัติศาสตร์โลกเก่า (โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน) โดยทั่วไปแบ่งเป็นยุคโบราณ ถึง ค.ศ. 476, สมัยกลาง ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 15 ซึ่งรวมยุคทองของอิสลาม (ประมาณ ค.ศ. 750-1258) และยุคฟื้นฟูศิลปวิทยายุโรปตอนต้น (เริ่มต้นประมาณ ค.ศ. 1300), ยุคใหม่ตอนต้น ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งรวมยุคเรืองปัญญา และยุคใหม่ตอนปลาย นับแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมถึงปัจจุบัน รวมทั้งประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ตะวันออกใกล้โบราณ กรีซโบราณและโรมโบราณมีความโดดเด่นในยุคโบราณ ในประวัติศาสตร์ยุโรปตะวันตก การเสียกรุงโรมมักยึดเป็นการสิ้นสุดของยุคโบราณและการเริ่มต้นของสมัยกลาง ขณะที่ยุโรปตะวันออกมีการเปลี่ยนผ่านจากจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งรุ่งเรืองต่อมาอีกเป็นเวลานาน กลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 การประดิษฐ์การพิมพ์สมัยใหม่ของโยฮันน์ กูเทนแบร์ก ซึ่งใช้การสื่อสารแบบเคลื่อนที่ได้และเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง เป็นจุดสิ้นสุดของยุคกลางและนำไปสู่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 การสะสมความรู้และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ได้ถึงจำนวนวิกฤต (critical mass) อันนำมาซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ในส่วนอื่นของโลก เช่น ตะวันออกใกล้โบราณ จีนโบราณ และอินเดียโบราณ เส้นเวลาทางประวัติศาสตร์ได้คลี่ออกต่างกัน อย่างไรก็ดี จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 เนื่องจากการค้าโลกที่ขยายตัวและการล่าอาณานิคม ทำให้ประวัติศาสตร์ของอารยธรรมโลกส่วนมากสานเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ในช่วงสองร้อยกว่าปีล่าสุด การเติบโตของความรู้ เทคโนโลยี การพาณิชย์ และศักยภาพการทำลายล้างของสงครามได้เร่งให้เกิดขึ้น ก่อให้เกิดโอกาสและอันตรายซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญชุมชนมนุษย์ที่อยู่อาศัยบนดาวเคราะห์ดวงนี้

แปลจากหนังสือ World History โดย...Mcdougal Littel
ผู้แปล...ทรงศักดิ์ สายหยุด

สงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II)

สงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II)
ความขัดแย้งของโลกเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
            ในทศวรรษที่ 1920 ทวีปยุโรปพยายามจะฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สถานการณ์ตกอยู่ในความเลวร้ายในปี ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) และต้นทศวรรษที่ 1930 ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ซึ่งเป็นภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วโลก ประมาณทศวรรษที่ 1940 โลกตกกำลังเผชิญวกับสงครามอีกครั้งหนึ่ง

การอุบัติขึ้นของเผด็จการ
            ในขณะที่ความยุ่งยากขยายขึ้น ผู้คนก็มองหาผู้นำที่เข้มแข็ง ในประเทศญี่ปุ่น กองทัพเข้าควบคุมรัฐบาล ในประเทศสหภาพโซเวียต โจเซฟ  สตาลิน (Joseph Stalin) เข้ายึดอำนาจหลังจากเลนินเสียชีวิต สตาลินเป็นนักปกครองที่โหดเหี้ยมอำมหิตฆ่าผู้ที่ตนเองคิดว่าไม่จงภักดีหรือไม่ก็ส่งไปยังค่ายกรรมกร

          ผู้นำเผด็จการที่โหดร้ายยังอุบัติขึ้นในอิตาลีและเยอรมนีด้วย ผู้นำเผด็จการเหล่านั้นดึงดูดบริวารด้วยการเผยแพร่ลัทธิฟาซิสม์ (fascism) ซึ่งเป็นปรัชญาทางด้านการเมืองที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานลัทธิชาตินิยมและรัฐบาลที่เข้มแข็ง ในปี ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) เบนิโต มุสโสลินี ( Benito Mussolini) ทำให้อิตาลีเป็นรัฐฟาซิสต์แห่งแรก  อดอล์ฟ  ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เป็นผู้นำขบวนการฟาสซิสต์นาซี  (the fascist Nazi) ในประเทศเยอรมนี ฮิตเลอร์ได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาลเยอรมนีในปี ค.ศ. 1933 (พ.ศ. 2476)

ฝ่ายอักษะกับการรุกราน
            ฮิตเลอร์เกิดความเจ็บปวดกับสนธิสัญญาแวร์ซาย มีความต้องการจะแก้แค้นที่เยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยการขยายดินแดนประเทศเยอรมัน หลังจากรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ หลายประเทศ ฮิตเลอร์ก็โจมตีประเทศโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482) มีการเกิดการโต้ตอบ เกรตบริเตนและฝรั่งเศส ที่เรียกว่า สัมพันธมิตร (the Allies) ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนี ปีถัดมา ฮิตเลอร์ได้ตอบโต้พร้อมกับสัมพันธมิตรของเขาเอง เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น เข้าร่วมการสู้รบเป็นฝ่ายอักษะ (Axis Powers)

สงครามโลกครั้งที่ 2 คือสงครามแบบใหม่ รถถับและรถบรรทุกทำให้กองทัพเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว เครื่องบินทิ้งระเบิดบินได้ในระยะไกลเพื่อโจมตีเป้าหมายของศัตรู ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ เยอรมนีจึงพิชิตโปแลนด์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเยอรมนีเรียกว่า บลิทซ์ครึก (blitzkrieg) หรือ “การโจมตีสายฟ้าแลบ (lightning war)” ในไม่ช้ากองกำลังของฮิตเลอร์ก็ได้บุกรุกประเทศอื่นในยุโรปหลายประเทศด้วย

          ในขณะที่ประเทศฝรั่งเศสล่มสลายในปี ค.ศ. 1940 (พ.ศ. 2483) วิลสตัน  เชอร์ชิลล์ (Winston Churchill) นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ระดมพลประชาชนของตนเอง กองทัพอากาศของอังกฤษยังอยู่ห่างไกลเยอรมนี ครั้นแล้วกองกำลังของฮิตเลอร์ก็ได้รุกรานสหภาพโซเวียต ทั้งสองฝ่ายได้รับความสูญเสียอย่างหนักก่อนที่ท้ายสุดโซเวียตก็สามารถบังคับให้เยอรมนีล่าถอย

ชัยชนะของสัมพันธมิตร
            ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) ญี่ปุ่นได้โจมตีเรือรบของสหรัฐที่ท่าเรือเพิร์ลหรืออ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย สหรัฐนำโดยประธานาธิบดีแฟรงกลิน โรสเวลต์ (Franklin Roosevelt) ก็เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร สองปีครึ่งถัดมาสงครามก็กระจายอย่างรวดเร็วในทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกาตอนเหนือ ตะวันออกกลาง เอเชีย และหมู่เกาะหลายหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) กองทัพสหรัฐกับอังกฤษก็ขึ้นฝั่งที่ฝรั่งเศสและรุกเข้าไปเยอรมนี กองทัพโซเวียตก็รุกล้ำมาจากตะวันออก เยอรมนีก็ยอมแพ้ในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488)

ผู้นำสหรัฐคิดว่าอาวุธใหม่ ๆ ที่ทรงประสิทธิภาพ คือระเบิดนิวเคลียร์ (atomic bomb) สามารถยุติสงครามกับญี่ปุ่นได้ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) สหรัฐก็ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมะและเมืองนะงะซะกิ หลายวันต่อมาญี่ปุ่นก็ยอมจำนน สงครามจึงยุติ

ผลของสงคราม
            สงครามโลกครั้งที่ 2 คือความขัดแย้งอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ทหารมากกว่า 34 ล้านคนได้รับบาดเจ็บ และมากกว่า 22 ล้านคนเสียชีวิต พลเรือนมากกว่า 30 ล้านคนสูญเสียชีวิตด้วย พลเรือนมากมายเป็นเหยื่อของ ฮอโลคอสต์หรือโฮโลคอสต์ (Holocaust) คือ ความพยายามที่จะกวาดล้างชาวยิวของนาซี นาซีได้ไล่จับชาวยิวทั่วยุโรปและส่งไปยังค่ายพักเฉพาะ ซึ่ง ณ ที่นั่นพวกเขาก็ถูกฆ่าตาย ชาวยิวหกล้านคนเสียชีวิตในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ (genocide)  ซึ่งเป็นการทำลายประชาชนด้วยความจงใจ ประชาชนคนอื่น ๆ อีกหลายล้านคน รวมทั้งชาวสลาฟ ยิปซี และคนพิการก็ถูกฆ่าด้วย





ฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies)

Winston Churchill

 วินสตัน  เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

Franklin Roosevelt
แฟรงกลิน  โรสเวลต์ ประธานาธิบดีสหรัฐ


Joseph Stalin
โจเซฟ  สตาลิน  นายกรัฐมนตรีสหภาพโซเวียต

ฝ่ายอักษะ (Axis Powers)

Adolf Hitler
อดอล์ฟ  ฮิตเลอร์  นายกรัฐมนตรีเยอรมนี

Benito Mussolini
เบนิโต  มุสโสลินี นายกรัฐมนตรีอิตาลี

Hideki Tojo
ฮิเดะกิ  โทโจ  นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
          พลเรือนหลายพันคนล้มตายในประเทศญี่ปุ่นในขณะที่ระเบิดนิวเคลียร์ก็ถูกทิ้งลง อาวุธนิวเคลียร์เหล่านี้มีผลกระทบที่น่าสะพรึงกลัว ประชาชนกลัวว่า สงครามคล้ายกันนี้จะกวาดล้างมนุษยชาติจนหมดสิ้น เมื่อใกล้ยุติสงคราม เหล่าผู้นำของสัมพันธมิตรได้ร่วมกันก่อตั้งองค์การสหประชาชาติเพื่อช่วยแก้ปัญหาการทะเลาะของชาวโลกด้วยสันติภาพ
          แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงมากมาย สงครามก็ทำให้เศรษฐกิจและรัฐบาลของหลายชาติเกิดความอ่อนแอ สหรัฐและสหภาพโซเวียตได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาอำนาจที่เข้มแข็งที่สุดของโลก สองชาติที่เป็นสัมพันธมิตรในช่วงสงคราม ปัจจุบันไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความคลางแคลงใจนี้นำไปสู่สงครามเย็น ซึ่งเป็นช่วงแห่งการชิงดีชิงเด่นที่ตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจแต่ไม่ใช่การต่อสู้โดยตรง
            โซเวียตได้จัดตั้งรัฐคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก สหรัฐแสดงบทบาทด้วยการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยการปกครองระบอบประชาธิปไตยของยุโรปตะวันตก เยอรมนีลงท้ายด้วยการแบ่งเป็น 2 ประเทศ เยอรมนีตะวันตกเป็นประเทศประชาธิปไตย เยอรมนีตะวันออกเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ (ก่อนที่จะรวมกันอีกครั้งในปี ค.ศ. 1990 = พ.ศ. 2533) 
          สงครามเย็นยังขยายไปสู่ทวีปเอเชียอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) เกาหลีก็เหมือนกับเยอรมนีได้แบ่งเป็นสองชาติ กองทัพโซเวียตได้ยึดครึ่งหนึ่งในตอนเหนือ ซึ่งรัฐบาลคอมมิวนิสต์ครองอำนาจ กองทัพสหรัฐเข้าควบคุมครึ่งหนึ่งในตอนใต้ ซึ่งได้สถาปนาเป็นรัฐบาลต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ในปี ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) เหมา เจ๋อตุง (Mao Zedong) ได้ก่อตั้งรัฐบาลคอมมิวนิสต์ขึ้นในประเทศจีน
(แสดงถึงจิตใจมนุษย์มีแต่ความขัดแย้ง)
World War II
เยอรมนีโจมตีทางอากาศเหนือกรุงลอนดอนในช่วงสงครามบริเตน ในสงครามโลกครั้งที่ 2


World War II
รถประจำทางในกรุงลอนดอนจมอยู่ในหลุมระเบิดหลังจากเยอรมนีโจมตีทางอากาศ


World War II
เรือประจัญบาน ยูเอสเอสเวสต์เวอร์จิเนีย (U.S.S. West Virginia) ของสหรัฐ ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงในช่วงที่ญี่ปุ่นโจมตีท่าเรือเพิร์ล
World War II
ทหารเยอรมนีไล่จับชาวยิวในวอร์ซอเกตโต (ย่านชาวยิวในกรุงวอร์ซอ)